การเลือกใช้งานวัสดุ เหล็กรูปพรรณกำลังสูง

สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน

หัวข้อในวันนี้จะเกี่ยวข้องกันกับหัวข้อ การออกแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง เหล็กรูปพรรณ (STRUCTURAL STEEL ENGINEERING DESIGN หรือ SSE) นะครับ

วันนี้ผมอยากที่จะขออนุญาตมาทำการให้คำแนะนำแก่เพื่อนๆ ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกันกับงานออกแบบโครงสร้างเหล็กให้สามารถทำการก่อสร้างได้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าปกติ ซึ่งจริงๆ แล้วข้อแนะนำนี้เป็นทางเลือกเสียมากกว่าที่จะเป็นข้อบังคับทางการออกแบบนะครับ นั่นก็คือการที่ทางผู้ออกแบบงานวิศวกรรมโครงสร้างนั้นเลือกใช้งานวัสดุ เหล็กรูปพรรณกำลังสูง นั่นเองนะครับ

ตามปกติแล้วชั้นคุณภาพของเหล็กรูปพรรณที่มีการใช้งานโดยทั่วๆ ไปในปัจจุบันภายในประเทศไทยของเรานั้น เราจะถือได้เหล็กชนิดนี้นั้นเป็น MILD STEEL ซึ่งจัดอยู่ในชั้นคุณภาพ A36 หรือเทียบเท่ากันกับชั้นคุณภาพ SS400 หากว่ากันตาม มอก แล้วชั้นคุณภาพของเหล็กดังกล่าวจะมีค่าหน่วยแรงดึงจุดคราก (TENSILE YIELDING STRESS) เท่ากับ 2400 KSC และมีค่าหน่วยแรงดึงประลัย (TENSILE ULTIMATE STRESS) ประมาณ 4000 KSC ถึง 4200 KSC

หากทำการเปรียบเทียบกันกับเหล็กรูปพรรณกำลังสูงเราจะถือได้ว่าเหล็กชนิดนี้นั้นเป็น HIGH STRENGTH STEEL ซึ่งจัดอยู่ในชั้นคุณภาพ SM520 หากว่ากันตาม มอก แล้วชั้นคุณภาพของเหล็กดังกล่าวจะมีค่าหน่วยแรงดึงที่จุดครากเท่ากับ 3600 KSC และมีค่าหน่วยแรงดึงประลัยประมาณ 5200 KSC ถึง 6400 KSC ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ค่ากำลังดึงที่จุดครากของเหล็กชั้นคุณภาพดังกล่าวจะมีค่าสูงขึ้นกว่าเหล็กชั้นคุณภาพปกติที่เรามีการใช้งานกันถึงประมาณร้อยละ 50 เลยทีเดียวนะครับ

ซึ่งจริงๆ แล้วประโยชน์ของการที่เราเลือกใช้งานเหล็กรูปพรรณกำลังสูงนั้นก็จะละม้ายคล้ายคลึงกันกับเหตุและผลของการที่เราเลือกใช้วัสดุอื่นๆ ที่มีค่ากำลังของวัสดุที่มีค่าสูงกว่าค่าปกติทั่วๆ ไปนะครับ เช่น คอนกรีตกำลังสูง ลวดอัดแรงกำลังสูง เป็นต้น แต่สำหรับเหล็กรูปพรรณนั้นจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจเพิ่มเติมขึ้นมา 2 ถึง 3 ประเด็นด้วยกันนะครับ

เอาเป็นว่าในวันพรุ่งนี้ผมจะขออนุญาตมาทำการขยายความและอธิบายแก่เพื่อนๆ ให้ได้ทราบกันถึงประโยชน์ของการที่เราเลือกใช้งานเหล็กรูปพรรณกำลังสูงในหลายๆ แง่หลายๆ มุมกันบ้างนะครับ หากเพื่อนๆ ท่านใดมีความสนใจ ก็สามารถที่จะติดตามอ่านกันได้ครับ

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านในวันนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ

ADMIN JAMES DEAN


บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปันไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service) Certified by SGS (Thailand) Ltd.

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม มอก. 397-2524 เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐาน มอก. การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน เสาเข็มสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ 15-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและสภาพชั้นดิน แต่ละพื้นที่ ทดสอบโดย Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

1. สี่เหลี่ยม S18x18 cm.

รับน้ำหนัก 15-20 ตัน/ต้น

2. กลม Dia 21 cm.

รับน้ำหนัก 20-25 ตัน/ต้น

3. กลม Dia 25 cm.

รับน้ำหนัก 25-35 ตัน/ต้น

4. กลม Dia 30 cm.

รับน้ำหนัก 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)

☎ สายด่วนภูมิสยาม:
082-790-1447
082-790-1448
082-790-1449
081-634-6586

? Web:
bhumisiam.com
micro-pile.com
spun-micropile.com
microspunpile.com
bhumisiammicropile.com